ชะลอผิว หยุดริ้วรอยแห่งวัยด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น

เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลปัญหาผิวด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น
เพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาผิว ด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น อะไรคือหลักฐานว่าเมล็ดองุ่นมีประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาผิว? ผู้เชี่ยวชาญค้นพบว่า เมล็ดองุ่นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และอุดมไปด้วยวิตามินอี 50 เท่า และวิตามินซี 20 ซึ่งร่างกายสามารถดูดซับได้อย่างรวดเร็ว และคงอยู่ในร่างกายได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง
สารสกัดจากเมล็ดองุ่น จึงมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นระยะเวลายาวนาน และดูดซับเข้าสู่ร่างกายได้อย่างง่ายดาย
สารสกัดจากเมล็ดองุ่นกับการดูแลริ้วรอยแห่งวัย
คอลลาเจนและวิตามินเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใสและมีชีวิตชีวา สารสกัดจากเมล็ดองุ่นจึงถูกนำมาใช้เป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลผิว เพื่อสนับสนุนโครงสร้างผิวและช่วยให้ผิวดูแข็งแรงขึ้น
สารต้านอนุมูลอิสระจากเมล็ดองุ่น (OPC)
องุ่นถูกนำมาใช้มานานหลายศตวรรษ และจากการศึกษาพบสารสำคัญที่เรียกว่า Oligomeric Proanthocyanidins หรือ OPC ในองุ่น ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สกัดจากเมล็ดองุ่น มีบทบาทในการช่วยลดปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดออกซิเดชันในร่างกาย จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าวิตามิน C, E และเบต้าแคโรทีนรวมกัน
บทบาทของสารสกัดจากเมล็ดองุ่นต่อสุขภาพผิว
วิตามินและสารอาหารเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญต่อสุขภาพและผิวพรรณ ยิ่งในปัจจุบันที่หลายที่การเกิดริ้วรอยหรือมีผิวหย่อนคล้อยก่อนวัยอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน สารต้านอนุมูลอิสระจากเมล็ดองุ่นจึงมีบทบาทในการช่วยปกป้องเส้นใยคอลลาเจนจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ จึงมีส่วนช่วยชะลอการอักเสบเรื้อรังจากเส้นใยคอลลาเจนที่ถูกทำลายได้เช่นกัน
การดูแลผิวอย่างสมดุลจากภายใน
ผิวที่ดูอ่อนกว่าวัย ปราศจากผิวและริ้วรอยต่างๆ แม้จะมีผลิตภัณฑ์และครีมบำรุงผิวมากมาย อาจไม่เพียงพอเท่ากับการบำรุงจากข้างใน การรักษาสมดุลผิว และการได้รับวิตามินอย่างเพียงพอจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะช่วยสนับสนุนให้ผิวดูแข็งแรงและเรียบเนียนขึ้น
สารต้านอนุมูลอิสระจากเมล็ดองุ่นจึงถูกนำมาใช้เป็นทางเลือกในการดูแลผิว เพื่อช่วยลดปัจจัยที่อาจทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ เสริมสร้างความกระชับของผิว และช่วยดูแลผิวที่มีแนวโน้มเกิดปัญหาสิว เมื่อใช้ควบคู่กับการดูแลผิวที่เหมาะสม
*ข้อมูลนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ด้านโภชนาการและการดูแลสุขภาพผิว ไม่ใช่การวินิจฉัย ป้องกัน หรือรักษาโรค ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและการดูแลของแต่ละบุคคล



