แชร์

บำรุงหลอดเลือดด้วยไลโคปีน

บำรุงหลอดเลือดด้วยไลโคปีน

        ไลโคปีนเป็นสารอาหารที่หลายคนคุ้นชื่อ โดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะเป็นสารที่มีประโยชน์ และมีส่วนช่วยดูแลร่างกายในหลายด้าน รวมถึงช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบเลือดและหลอดเลือด บทความนี้จะพูดถึงบทบาทของไลโคปีนที่เกี่ยวข้องกับ หลอดเลือด

ไลโคปีนและการป้องกันอนุมูลอิสระ

        ไลโคปีนช่วยป้องกันและต่อต้านอนุมูลอิสระในระดับเนื้อเยื่อหุ้มเซลล์ในร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับสุขภาพของหลอดเลือด โดยงานวิจัยจากสาขาวิชาสารอาหารและระบาดวิทยา ภาควิชาสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า ไลโคปีนมีประสิทธิภาพในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระที่มีส่วนทำลายผนังเยื่อหุ้มเซลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะไขมันสะสมในหลอดเลือด

        ข้อมูลจากงานวิจัยในฟินแลนด์ ระบุว่ามีงานติดตามประชากรชายวัยกลางคนจำนวน 1,000 คน เป็นเวลา 12 ปี พบว่ากลุ่มที่มีระดับไลโคปีนในเลือดสูง มีความเสี่ยงของปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดลดลง รวมถึงความเสี่ยงของการเกิดภาวะหลอดเลือดสมองตีบและการเกิดลิ่มเลือดอุดตันก็ลดลงลงด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของไลโคปีนที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือด

        จากหลายงานวิจัยสรุปตรงกันว่า ไลโคปีนมีส่วนช่วยบำรุงระบบเลือดและหลอดเลือดในหลายด้าน เช่น

  • ดูแลผนังหลอดเลือด
  • จัดการคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่พึงประสงค์
  • ลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันในผนังหลอดเลือด
  • ดูแลความสมดุลของน้ำตาลในเลือด

        หากรับประทานไลโคปีนอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด

แหล่งอาหารที่มีไลโคปีน

  • มะเขือเทศ (พบมากเป็นพิเศษในแบบปรุงสุก)
  • ฟักข้าว มีรายงานว่ามีไลโคปีนสูงกว่ามะเขือเทศหลายเท่า

        แนะนำให้รับประทานในรูปแบบอาหารที่มีการผ่านการแปรรูปด้วยความร้อนมาแล้ว จะช่วยให้ร่างการดูดซึมไลโคปีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการรับประทานแบบสดถึง 2.5 เท่า ซึ่งปัจจุบันมีการนำไลโคปีนมาสกัดอยู่ในรูปแบบอาหารเสริม ให้สามารถรับประทานได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

การรับประทานไลโคปีนอย่างเหมาะสม

        ปริมาณของไลโคปีนที่แนะนำให้รับประทานนั้น ไม่ควรเกิน 75 มิลลิกรัมต่อวัน หรือหากเป็นรูปแบบอาหารเสริม ก็ไม่ควรเกินปริมาณที่กำหนดไว้บนฉลากบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากไลโคปีนเป็นสารที่ละลายในไขมัน และจะถูกสะสมไว้ที่ตับ หากสะสมมากเกินไป อาจส่งผลให้ตัวเหลืองและคลื่นไส้ได้

        สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารเสริมไลโคปีน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ