แครนเบอร์รี่ (Cranberry) ผลไม้เสริมภูมิต้านทาน
การที่ร่างกายของคนเรานั้นต้องเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ นั้น สาเหตุหลักก็มาจากร่างกายของแต่ละคนนั้นมีภูมิต้านทานโรคที่แตกต่าง ใครที่มีภูมิต้านทานโรคที่ดีกว่า ก็มีโอกาสป่วยได้น้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคอย่างไข้หวัด ที่คนมีภูมิต้านทานต่ำมักจะป่วยกันเป็นประจำ เพียงแค่โดนฝนเล็กๆ น้อยๆ หรือแม้แต่เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงก็ตาม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจไม่เพียงพอที่จะสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีพอ แต่การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปด้วยนั้นจะช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดียิ่งขึ้น
หนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์และช่วยเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการสร้างภูมิต้านทานโรคที่มีประสิทธิภาพนั้นก็คือ แครนเบอร์รี่ ผลไม้ที่มีขึ้นตามธรรมชาติและสามารถรับประทานได้ทุกคน โดยในแครนเบอร์รี่นั้นจะประกอบไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่ามากมาย หนึ่งในนั้นก็คือวิตามินซี ซึ่งเป็นสารอาหารที่ร่างกายของคนเราต้องการ ที่สำคัญคือมีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเซลล์ในร่างกาย และยังช่วยในการต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย ซึ่งเจ้าอนุมูลอิสระนี่เองที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายเซลล์ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเซลล์ผิวหรือเซลล์ที่ช่วยการทำงานของเลือดก็ตาม และเมื่อในร่างกายมีอนุมูลอิสระอยู่มาก การทำงานที่เคยมีประสิทธิภาพก็จะลดลง ฉะนั้นแล้ว เมื่อรับประทานแครนเบอร์รี่ผลไม้ซึ่งมีสารอาหารที่มีคุณสมบัติของการต้านอนุมูลอิสระอยู่เป็นประจำ เซลล์ที่เคยหมดประสิทธิภาพก็จะกลับมาทำงานได้ดียิ่งขึ้น และโอกาสที่ร่างกายจะเจ็บป่วยเพราะภูมิต้านทานต่ำก็จะยากขึ้นนั่นเอง
แต่ก็ใช่ว่าแครนเบอร์รี่จะมีประโยชน์เพียงแค่เรื่องของการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นแก่ร่างกายเพียงอย่างเดียว เพราะแท้จริงแล้วแครนเบอร์รี่นั้นยังมีประโยชน์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการช่วยป้องกันโรคทางเดินปัสสาวะอักเสบได้ โดยส่วนหนึ่งก็มาจากสารอาหารที่สำคัญที่มีอยู่ในแครนเบอร์รี่นั้น ช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรียที่คอยเกาะตัวตามผนังของกระเพาะปัสสาวะได้ หรือแม้แต่ในเรื่องของความสวยงามเอง แครนเบอร์รี่ก็มีส่วนสำคัญในการช่วยสร้างเซลล์ผิวที่เปล่งปลั่ง สร้างความชุ่มชื่นแก่ผิวและดูเต่งตึงได้อีกด้วย เรียกได้ว่าสรรพคุณของเจ้าผลไม้สีแดงอย่างแครนเบอร์รี่นั้นเป็น สรรพคุณที่มีความครบถ้วน ทั้งเรื่องความงามและด้านสุขภาพเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามการรับประทานแครนเบอร์รี่ให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั้น ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน ที่สำคัญคือต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย
Share this Article
