เสริมแอล-คาร์นิทีน (L-carnitine) อย่างไร ให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
แอล-คาร์นิทีน (L-Carnitine) เป็นสารอาหารที่เกิดขึ้นในตับและไตที่เกิดจากจากกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และเมไทโอนีน (methionine) ปัจจุบันได้มีการผลิตแอล-คาร์นิทีนในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยเผาพลาญไขมัน ช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อให้กับร่างกาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก เปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อ หรือผู้ที่ต้องการรับประทานแอล-คาร์นิทีน เพื่อป้องกันโรคร้ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยแอล-คาร์นิทีน จะทำหน้าที่คล้ายกับวิตามินทั่วไปที่มีอยู่ตามร่างกาย หากรับประทานอย่างถูกต้องก็จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาย
จากรายงานวิจัยจากต่างประเทศ พบว่าแอล-คาร์นิทีน ช่วยลดการสะสมของไขมัน ซึ่งเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ดีในการออกกำลังกาย ไม่ทำให้รู้สึกเหนื่อย ไม่รู้สึกอึดอัด เพื่อประสิทธิภาพที่เห็นผลในการเปลี่ยนแปลงมวลไขมันเป็นมวลกล้ามเนื้อ เราควรรับประทานแอล-คาร์นิทีน ก่อนการออกกำลังกายประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการสลายไขมัน เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ช่วยให้เห็นผลได้เร็วขึ้น โดยเราสามารถรับประทานวันละ 500-2,500 มิลลิกรัม หากต้องการให้เห็นผลที่ดีควรรับประทานแอล-คาร์นิทีนควบคู่กับการออกกำลังกายที่มีอัตราการเต้นหัวใจที่สูงขึ้น เช่น คาร์ดิโอ เป็นต้น ใครอยากเปลี่ยนไขมันให้เป็นกล้ามเนื้อ การรับประทานแอล-คาร์นิทีนจึงตอบโจทย์ได้ดีทีเดียว หากเราเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ แอล-คาร์นิทีน คือ สารที่ทำหน้าที่ลำเลียงกรดไขมันเข้าสู่ (Mitochondrion) เพื่อเปลี่ยนไขมันเป็นพลังงานให้กับเซลล์ หากคุณรับประทานแอล-คาร์นิทีน แต่ไม่ได้ออกกำลังกายเลย แต่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว หรือมีอาการแพ้อย่างเฉียบพลัน ทำให้เกิดอาการใจสั่น หัวใจเต้นแรง ชีพจรเต้นเร็วขึ้น นั้นเป็นสัญญาณที่เตือนว่าคุณกำลังรับประทานยาลดความอ้วน เพราะแอล-คาร์นิทีนจะได้ผลดีในด้านการลดน้ำหนักเมื่อเราออกกำลังกายที่มีอัตราการเต้นหัวใจที่สูงขึ้นนั่นเอง
แอล-คาร์นิทีน ไม่ได้มีประโยชน์ด้านการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีประโยชน์สำหรับคนที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ ผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือผู้ที่ดื่ม โดยประโยชน์ด้านนี้เราสามารถรับประทานได้โดยการทานหลังอาหารมื้อเช้า ทั้งนี้เพื่อเป็นการดูดซึมแอล-คาร์นิทีนไปพร้อมกับสารอาหารในมื้อเช้านั่นเอง
Share this Article