เคล็ดลับทานถั่วเหลือง (Isolated Soy Protein) ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

                ประโยชน์ของถั่วเหลืองมีคุณค่าต่อร่างกายมหาศาล ทั้งช่วยบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคภัย บรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ของโรคภัย และช่วยในเรื่องของความสวย ความงามอีกด้วย แต่สิ่งที่หลายคนไม่มั่นใจในการรับประทานถั่วเหลืองนั่นก็คือ กังวลใจว่าหากทานไม่ถูกวิธี ร่างกายก็จะไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และอาจส่งผลต่อระบบย่อยอาหารได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมีเคล็ดลับทานถั่วเหลืองมาแนะนำ เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์สูงสุดดังนี้  

                ภายในถั่วเหลืองมีโปรตีนจำนวนมาก ดังนั้น ไม่ควรรับประทานถั่วเหลืองมากเกินไป เพราะปกติร่างกายจะขับโปรตีนส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะ ส่งผลทำให้ไตทำงานหนัก หากได้รับโปรตีนปริมาณมากติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อาจทำให้เกิดภาวะโรคไตได้ ทางที่ดีควรทานแบบพอประมาณ

                แต่ทั้งนี้ หากร่างกายขาดโปรตีน จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีชีวิตชีวา ไม่สดชื่น ถึงขั้นส่งผลให้ร่างกายส่วนที่สึกหรอไม่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเต็มที่ อาจก่อให้เกิดภาวะโรคโลหิตจางได้

หลักการรับประทานถั่วเหลืองที่ถูกต้องคือ

                ไม่ควรทานถั่วเหลืองเพียงอย่างเดียว เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่ไม่เต็มที่ ซึ่งภายในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนจำเป็นชนิดเมไธโอนีน (Methionine) และ ซีสเตอีน (Cystein) ทางที่ดีควรทานถั่วเหลืองควบคู่กับข้าว เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีนอย่างเต็มที่

                สำหรับใครที่ทำนมถั่วเหลืองทานเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร หรือเครื่องดื่ม ควรต้มให้ถั่วเหลืองสุก ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหารจนทำงานผิดปกติ และถ้าเกิดอาการดังกล่าวเฉียบพลันอาจกลายเป็นอาการของอาหารเป็นพิษ เช่น ภายในครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมงมีอาการท้องเดิน ปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน ดังนั้น ควรพบแพทย์โดยด่วน

ทำไมหลายคนดื่มนมถั่วเหลืองแล้วเกิดอาการท้องอืดหรือคลื่นไส้?

                เพราะว่า นมถั่วเหลืองมีส่วนประกอบของน้ำตาลที่ย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ในลำไส้ใหญ่แล้วเกิดเป็นกรดและแก๊ส จึงอาจทำให้เกิดมีอาการท้องอืด จุกเสียด แน่น หรือคลื่นไส้หลังดื่มนมถั่วเหลือง บางคนถึงขั้นเกิดอาการเสียดท้องรุนแรงเลยทีเดียว

                ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหานี้ ควรดื่มนมถั่วเหลืองพอประมาณ หรือทำนมถั่วเหลืองดื่มเอง ด้วยการล้างถั่วเหลืองให้สะอาด ต้มถั่วเหลืองให้เดือดอย่างน้อย 5-10 นาที หลังจากนั้นนำออกมาแช่น้ำเย็นทันที พักไว้ 8-16 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาทำเครื่องดื่ม หรือประกอบอาหาร ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ดี และที่สำคัญควรดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกาย ยืดเส้น ยืดสาย ถือเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและระบบภายในร่างกายได้ดีขึ้นด้วย