ความสำคัญของแคลเซียม (Calcium) ต่อโรคต่างๆ
แม้แคลเซียมจะได้รับความนิยมในเรื่องโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและสตรีมีครรภ์ การรับประทานแคลเซียมเสริมจึงได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบทบาทเกี่ยวกับโรคต่างๆ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของโรคได้
ความสำคัญของแคลเซียมกับการป้องกันโรค
ประโยชน์มากมายกับแคลเซียมต่อสุขภาพซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการก่อโรค แคลเซียมมีส่วนสำคัญในการรักษาสุขภาพโดยรวมเนื่องจากช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องใช้ระบบอื่น ๆ อีกมากมายของร่างกายเพื่อดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการดูดซึมสารอาหารอื่น ๆ และการย่อยอาหารที่เหมาะสม
การบริโภคแคลเซียมทุกวันขึ้นอยู่กับอายุ และสุขภาพโดยรวมเนื่องจากแต่ละคนได้รับโภชนาการไม่เท่ากัน จึงขึ้นอยู่กับว่าร่างกายมีแคลเซียมเพียงพอหรือไม่ โดยปกติแพทย์แนะนำให้คนขาดแคลเซียมบริโภคแคลเซียมมากขึ้นในชีวิตประจำวันมากกว่าคนปกติ อาหารเสริมแคลเซียมจำเป็นต้องเติมเต็มความต้องการแคลเซียมทุกวันของร่างกาย อาจกล่าวได้ว่าอาหารเสริมแคลเซียมและสุขภาพมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน คนที่กินแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอจะมีชีวิตชีวามากกว่าคนที่ขาดแคลเซียม นอกจากนี้การขาดแคลเซียมทำให้เลือดในเลือดแข็งตัวและเป็นสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ อีกมากมาย
เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดกับแคลเซียมต่อสุขภาพ จำเป็นต้องมีอาหารที่เหมาะสมควบคู่กับอาหารเสริมแคลเซียมและการออกกำลังกายเป็นประจำ พยายามหาอาหารเสริมแคลเซียมที่มีคุณภาพดีในตลาด อาหารเสริมเหล่านี้มีประสิทธิภาพและช่วยในการเอาชนะการขาดแคลเซียมและยังทำหน้าที่ในการรักษาภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับโรคที่สำคัญหลายอย่าง
จึงควรเพิ่มวิตามินดีจำเป็นสำหรับการดูดซึมแคลเซียมอย่างเหมาะสม ด้วยวิตามินดี เหล็ก และฟอสฟอรัส ปลา และอาหารทะเลถือว่าเป็นหนึ่งในแหล่งแคลเซียมและวิตามินดีที่มีประโยชน์มากที่สุดในทำนองเดียวกันอาหารเสริมแคลเซียมที่มีวิตามินดี และวิตามิน อื่นๆ
สุขภาพสามารถสร้างได้จากข้อเท็จจริงที่ว่าแคลเซียมช่วยป้องกันโรคต่างๆที่ทำให้เกิดความเสื่อมและอื่น ๆ และทำให้ร่างกายแข็งแรงและแข็งแรง ควรใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์ทั่วโลก เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคเหล่านี้ ได้แก่ มะเร็งลำไส้ใหญ่โรคกระดูกพรุนโรค อัลไซเมอร์ คอเลสเตอรอลสูง โรคนิ่วในไต และความดันโลหิตสูง หากผลข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นให้หยุดยาเม็ดแคลเซียมทันทีและปรึกษาแพทย์ อย่ากินแคลเซียมมากกว่า 2500 มก. ในแต่ละวัน
Share this Article