ปรับสีผิวให้ดูสว่างทั่วร่าง ด้วยสารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract)

        การมีผิวที่ดูกระจ่างใสและสม่ำเสมอทั่วเรือนร่างเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการ แต่ด้วยมลภาวะในปัจจุบันที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงแสงแดดเมืองไทยที่ทั้งร้อนและคอยทำร้ายผิวของเราอยู่เสมอ ทำให้หลายคนพบปัญหาผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ การดูแลและฟื้นฟูผิวอย่างถูกวิธี รวมถึงการเลือกใช้ตัวช่วยจากธรรมชาติที่มีสรรพคุณด้านความงามอย่าง เช่น สารสกัดจากเมล็ดองุ่น จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ

คุณสมบัติเด่นของสารสกัดจากเมล็ดองุ่น

        สารสกัดจากเมล็ดองุ่น (Grape Seed Extract) อยู่ในกลุ่มโฟลวานอยด์ จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ในร่างกายมากกว่าวิตามินซีและวิตามินอี มีประสิทธิภาพสูง มีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพ รวมถึงมีส่วนช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพและถูกทำลายจากอนุมูลอิสระด้วย

ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น

        นอกจากความสามารถทางด้านสุขภาพแล้ว สารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังนิยมใช้และรับประทานเพื่อเสริมความงามอีกด้วย เนื่องจากมันมีคุณสมบัติที่ช่วยเสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวและโครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น เพิ่มความยืดหยุ่นและกระชับให้ผิวด้วยการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน

ช่วยดูแลผิวจากปัมลภาวะและแสงแดด

        อีกทั้งสรรพคุณในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระยังมีส่วนช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและแสงแดด ทำให้ผิวค่อยๆ กลับมากระจ่างใส จุดด่างดำแลดูลดเลือนลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ช่วยให้สีผิวดูสม่ำเสมอ

        สารสกัดเมล็ดองุ่นยังสามารถมีส่วนช่วยชะลอการสร้างเม็ดสีเมลานินที่ทำให้ผิวเรามีสีเข้มขึ้น ทำให้สีผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอทั่วเรือนร่าง และยังมีส่วนช่วยป้องกันการเหี่ยวย่น และริ้วรอยของผิวหนังได้อีกด้วย

วิธีการรับประทานสารสกัดเมล็ดองุ่นอย่างเหมาะสม

        การรับประทานอาหารเสริมสารสกัดจากเมล็ดองุ่นให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพดีที่สุดนั้น ควรรับประทานให้ได้ปริมาณ 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 2-4 แคปซูล และช่วงเวลาที่สารสกัดจากเมล็ดองุ่นจะดูดซึมได้ดีที่สุดก็คือช่วงเช้า นื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายดูดซึมได้ดี

        การเลือกรับประทานอาหารเสริมสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนั้น นอกจากจะมีส่วนช่วยให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ผิวกระจ่างใส สีผิวสวยสม่ำเสมอและเรียบเนียนขึ้น โดยสามารถทานอาหารเสริมจากเมล็ดองุ่น ควบคู่ไปกับการดูแลตัวเอง การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการปรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่มีผลข้างเคียง